สำเนาข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันเสาร์ ที่ 16 กันยายน พ.ศ.2543
Best View with Internet Explorer (IE4, IE5)


วันเสาร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2543

กรมศิลปากรปฏิเสธไม่รู้เรื่องทุบรูปปั้น

จากกรณีที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรักได้รื้อถอนรูปปั้นพระเยซู ซึ่งเป็นฝีมือการปั้นของ ศ.ศิลป์ พีระศรี เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ จนถูกกระแสคัดค้านอย่างหนักนั้น ดร.อัชชพล ดุสิตนานนท์ สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารใหม่ เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องสร้างอาคารใหม่เนื่องจากพื้นที่เดิม ไม่เพียงพอต่อการจัดการเรียนการสอนอย่างมีคุณภาพ จึงได้ติดต่อให้นายมาณพ อมรวุฒิโรจน์ นายช่าง 6 กรมศิลปากรมาเคลื่อนย้ายรูปปั้น ลงมาเก็บรักษาไว้รอการติดตั้งอีกครั้ง เมื่ออาคารหลังใหม่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายมาณพ กล่าวว่า การเคลื่อนย้ายรูปปั้นยากลำบากมากเนื่องจากติดตั้งอยู่บนที่สูง จึงจำเป็นต้องตัดส่วนของรูปปั้นที่ยื่นออกมาออก แต่ในการรื้อถอนย่อมต้องเกิดความเสียหายบ้าง ซึ่งถ้าหากไม่มากเกินไปก็เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ภราดาสุรสิทธ์ สุขชัย ผอ.ร.ร.อัสสัมชัญ กล่าวว่า แต่เดิมตนไม่รู้ว่าเป็นผลงานของ ศ.ศิลป์ แต่เมื่อรู้แล้วจึงกำชับให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังและใช้มืออาชีพในการดำเนินการ จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ด้านนายสมศักดิ์ แตงพันธุ์ รักษาการหัวหน้างานอนุรักษ์ศิลปกรรม กรมศิลปากร กล่าวว่า ในการเคลื่อนย้ายต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของรูปปั้นซึ่งมีหลายวิธีโดยไม่จำเป็นต้องตัดออกเป็นชิ้น และการดำเนิน การใด ๆ กับรูปปั้นก็ควรได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เนื่องจากรูปปั้นดังกล่าวเป็นสิ่งที่มีคุณค่าของประเทศ ส่วนกรณีที่ผู้บริหารโรงเรียนกล่าวว่าได้ใช้ช่างฝีมือจากกรมศิลปากรนั้น ถ้าหากเป็นการกระทำในนามกรมศิลปากร ทางอธิบดีจะต้องมีคำสั่งมาที่ตนแต่จนถึงบัดนี้ก็ไม่มีการสั่งการมาแต่อย่างใด ดังนั้นกรณีการรื้อถอนดังกล่าว จึงไม่ได้เป็นการกระทำในนามกรมศิลปากร.



 

ทีมงาน come.to/assump และเพื่อน ๆ ขอแสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: ก่อนอ่านโปรดอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ของฉบับวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 2543 ของทั้งสามสำนักข่าวอันประกอบด้วย ข่าวสด เดลินิวส์ และมติชน ก่อน

หากข้อความที่ทางหนังสือพิมพ์ได้กล่าวมาในข้างต้นเป็นความจริง พวกผมขอแสดงความคิดเห็นดังนี้

1) ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสด การที่ท่านผู้จัดการบริษัทสถาปนิกผู้รับผิดชอบงานรื้อถอนกล่าวว่า "การดำเนินงานในระยะแรกเป็นไปด้วยดี แต่พักหลังเริ่มมีปัญหาแค่วัตถุชิ้นเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านี้คือคำสั่งสอนของศาสตราจารย์ ฮีแลร์" พวกผมมีความเห็นพ้องและต่างกับท่านเล็กน้อย คือ สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าคือคำสอนของบราเดอร์ฮีแลร์จริง แต่รูปปั้นนี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่วัตถุชิ้นเดียว แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าทั้งทางศิลปะ และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญของชาวอัสสัมชัญมาหลายสิบรุ่น ตัวพวกผมเองเห็นคุณค่าที่เป็นงานของท่านศิลป์ พีระศรี แต่พวกผมเห็นคุณค่าทางจิตใจของชาวอัสสัมชัญมากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คนนอกโจมตีการกระทำของโรงเรียนของเรา ทางพวกผมเองใส่ใจ แต่ไม่มากนักพวกผมใส่ใจในความรู้สึกของพวกเราอัสสัมชัญมากกว่าบุคคลภายนอก เพราะพวกผมถือว่าชาวอัสสัมชัญมีส่วนในการเป็นเจ้าของรูปปั้นรูปนี้ มิได้เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด

2) ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ข่าวสดที่ท่านอธิการกลา่วว่าท่านเป็นครูในโรงเรียนมาหลายปี พวกผมคาดว่าเป็นจริงถ้าพวกเราคนหนึ่งจำไม่ผิดเขาเคยเห็นภาพของท่านในหนังสืออุโฆษสารฉบับเมื่อ 26 ปีที่แล้วส่วนที่ว่าเป็นศิษย์เก่าของอัสสัมชัญนั้น ทางพวกผมไม่พบข้อมูล แต่เป็นไปได้ว่าเมื่อก่อนท่านไม่ได้ใช้ชื่อดังปัจจุบันอาจจะมีการเปลี่ยนชื่อในภายหลัง เพราะจากหนังสือทำเนียบอัสสัมชนิก สามารถสืบค้นเรียงตามชื่อหรือเรียงตามเลขประจำตัวเท่านั้น ไม่สามารถเรียงตามชื่อสกุลได้

3) ตามข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ที่ท่านอธิการกล่าวว่า "แต่เดิมตนไม่รู้ว่าเป็นผลงานของ ศ.ศิลป์ แต่เมื่อรู้แล้วจึงกำชับให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังและใช้มืออาชีพในการดำเนินการ จึงไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด" พวกผมอ่านแล้วรู้สึกขัด ๆ ความรู้สึกเล็กน้อยคือ แทนที่ท่านจะมองเห็นความสำคัญในความรู้สึกของชาวอัสสัมชัญเรา แต่ท่านกลับให้ความสำคัญต่อบุคคลภายนอก (คือผู้ที่เป็นนักศิลปะ นัยว่าเป็นผู้ที่เห็นคุณค่าในผลงานศิลปะชิ้นนี้) มากยิ่งกว่า ทั้งนี้ความคิดเห็นของพวกผมทั้งสามข้อข้างต้นอาจจะผิด เนื่องจากเป็นไปได้ว่าข่าวที่ลงมาในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น อาจเป็นเพียงถ้อยคำบางส่วนเท่านั้น หรืออาจจะมีข้อมูลข่าวที่ไม่ถูกต้อง

4) ขอให้ท่านที่เกี่ยวข้องทราบว่า การที่พวกผมศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันที่ร่วมกันแสดงความคิดเห็นตลอดมาร่วมเดือนกว่าที่ผ่านมาทั้งทางหนังสือพิมพ์ หน้าเว็ปไซด์ต่าง ๆ และในกระดานสนทนา http://acboard.hypermart.net นั้น เป็นเพราะพวกเรามีความรักและหวงแหนในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของโรงเรียนเรา พวกเรามีจุดประสุงค์เช่นเดียวกันคือต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรารักอยู่ในสภาพที่ปลอดภัย ไม่เกิดความเสียหาย

5) สิ่งที่ทางโรงเรียนทำผิดพลาดและก่อให้เกิดกระแสต่อต้านตามมามากมายคือ การที่ไม่มีการแจกแจงรายละเอียด กำหนดการ ขั้นตอน วิธีการที่จะทำการรื้อถอนให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันได้รับทราบ หากมีการชี้แจงให้พวกเราได้เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมไม่มากเท่านี้ อีกทั้งภายหลังเมื่อเกิดปัญหาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากตามมา กลับไม่มีการออกมาแสดงข้อเท็จจริงจากท่านผู้ที่เกี่ยวข้องทันที สิ่งที่ทำกลับเป็นการปิดข่าวสาร ทำให้ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันสับสนเป็นอันมาก

6) นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกข้อหนึ่งที่ยังค้างคาอยู่คือ ก่อนหน้าที่จะมีการรื้อถอน ทางหน่วยงานของกรมศิลป์ ได้แสดงความจำนงในการที่จะเป็นผู้จัดการนำรูปปั้น ฯ ลงมาและหากเป็นจริง (หรือไม่มีการเสนอตัวของหน่วยงานของกรมศิลป์เข้ามาก็ตาม) ทำไมทางผู้บริหารโรงเรียนถึงไม่ให้ทางกรมศิลป์เข้ามาช่วยดูแลดำเนินการ

Count since 17 Sep 2000 (This page only):